ประกันมรดก หรือที่เรียกว่า “ประกันชีวิตเพื่อสร้างมรดก” เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมในการวางแผนส่งต่อทรัพย์สินและลดภาระภาษีให้กับทายาทในอนาคต ผมจะอธิบายรายละเอียดให้เข้าใจง่ายขึ้นดังนี้

ประกันมรดกคืออะไร?

ประกันมรดกเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการ “สร้าง” และ “ส่งต่อ” ทรัพย์สินให้แก่คนข้างหลังอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้เอาประกันจะชำระเบี้ยประกันเป็นงวดๆ และเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์จะได้รับเงินสินไหมทดแทนเป็นเงินก้อนใหญ่ทันที โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนทางกฎหมายที่ยุ่งยากเหมือนกับการแบ่งมรดกทั่วไป

จุดเด่นและประโยชน์สำคัญของประกันมรดก

1. ส่งต่อทรัพย์สินได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ: เงินจากประกันชีวิตไม่ใช่ทรัพย์สินที่ต้องรอการแบ่งตามพินัยกรรมหรือการจัดตั้งผู้จัดการมรดก ทำให้ผู้รับผลประโยชน์ได้รับเงินก้อนเพื่อนำไปใช้จ่ายได้ทันที เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ, หนี้สินของผู้เสียชีวิต หรือค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของครอบครัว
2. ลดภาระภาษีมรดก: เงินสินไหมทดแทนที่ได้รับจากประกันชีวิตตามกฎหมายถือเป็นเงินได้ที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดภาระภาษีมรดกได้ หากผู้เอาประกันภัยมีทรัพย์สินรวมกันเกิน 100 ล้านบาท เงินก้อนจากกรมธรรม์สามารถช่วยทายาทนำไปชำระภาษีมรดกที่เกิดขึ้นได้
3. สร้างทรัพย์สินก้อนใหญ่ด้วยเงินจำนวนน้อย: ประกันมรดกมักมีจุดเด่นในเรื่องของ “ทุนประกันสูง” แต่ “เบี้ยประกันต่ำ” เมื่อเทียบกับทุนประกันที่ได้รับ ทำให้สามารถสร้างมรดกก้อนใหญ่ให้กับลูกหลานได้ทันที แม้จะเริ่มวางแผนด้วยเงินทุนที่ไม่มากนัก
4. ป้องกันปัญหาความขัดแย้งในการแบ่งมรดก: การระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ไว้ในกรมธรรม์อย่างชัดเจนจะช่วยป้องกันปัญหาความขัดแย้งระหว่างทายาทเรื่องการแบ่งทรัพย์สินได้ เนื่องจากเงินสินไหมจะถูกส่งตรงถึงผู้รับตามที่ระบุไว้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการแบ่งแยกทรัพย์สินทางกฎหมาย
5. เป็นหลักประกันสำหรับผู้ที่มีภาระหนี้สิน: หากผู้เอาประกันมีภาระหนี้สินคงค้างอยู่ เงินสินไหมจากประกันมรดกสามารถนำไปชำระหนี้สินนั้นได้ ทำให้ทายาทไม่ต้องรับภาระหนี้แทน

ความแตกต่างระหว่างประกันมรดกกับพินัยกรรม

การทำประกันมรดกจึงเป็นส่วนสำคัญของการวางแผนชีวิตสำหรับผู้ที่ต้องการส่งต่อความมั่นคงและทรัพย์สินให้แก่คนในครอบครัวได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพครับ